Too Cheap to Ignore

เดือน มี.ค. ที่ผ่านมา สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกยังผันผวนต่อเนื่องจากประเด็นทางด้านสงคราม และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เช่นเดียวกับธนาคารกลางอีกหลายแห่งทั่วโลกที่มีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้นเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยประเด็นดังกล่าวได้สะท้อนและรับรู้ไปในราคาของตลาดหุ้นทั่วโลกพอสมควรแล้ว โดย Fed Fund Rate Futures สะท้อนความคาดหวังของนักลงทุนที่คาดว่า Fed จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยไปถึง 9-10 ครั้ง ซึ่งสูงกว่า Dot Plot ที่ Fed ประเมินว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยประมาณ 7 ครั้งในปีนี้แล้ว จึงทำให้เราคาดว่าในระยะสั้นตลาดน่าจะเข้าสู่ช่วงของการฟื้นตัวไปจนกว่าจะถึงการประชุม FOMC ในช่วงต้นเดือน พ.ค. ซึ่งจะมีการแถลงรายละเอียดในการลดขนาดงบดุลเพื่อถอนสภาพคล่องกันอีกครั้ง โดยยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามต่อไป

INDEGO Monthly Outlook April 2022

  เดือน มี.ค. ที่ผ่านมา สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกยังผันผวนต่อเนื่องจากประเด็นทางด้านสงคราม และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เช่นเดียวกับธนาคารกลางอีกหลายแห่งทั่วโลกที่มีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้นเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยประเด็นดังกล่าวได้สะท้อนและรับรู้ไปในราคาของตลาดหุ้นทั่วโลกพอสมควรแล้ว โดย Fed Fund Rate Futures สะท้อนความคาดหวังของนักลงทุนที่คาดว่า Fed จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยไปถึง 9-10 ครั้ง ซึ่งสูงกว่า Dot Plot ที่ Fed ประเมินว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยประมาณ 7 ครั้งในปีนี้แล้ว จึงทำให้เราคาดว่าในระยะสั้นตลาดน่าจะเข้าสู่ช่วงของการฟื้นตัวไปจนกว่าจะถึงการประชุม FOMC ในช่วงต้นเดือน พ.ค. ซึ่งจะมีการแถลงรายละเอียดในการลดขนาดงบดุลเพื่อถอนสภาพคล่องกันอีกครั้ง โดยยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามต่อไป

ปัจจัยสำคัญแรกในเดือนนี้ เรามองว่าหุ้นจีนที่ปรับตัวลดลงตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันเริ่มอยู่ในจุดที่น่าสนใจมากขึ้นแล้ว โดยเฉพาะหุ้นจีนในฝั่งฮ่องกง สะท้อนผ่าน valuation ของดัชนี Hang Seng ที่ถูกกว่าช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งและวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ไปแล้ว โดยปัจจัยที่กดดันหุ้นจีนและฮ่องกงในช่วงที่ผ่านมายังเป็นประเด็นความกังวลด้านการควบคุมภาคธุรกิจของรัฐบาล ผลกระทบของความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และล่าสุดคือความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่จนทำให้เกิดการปิดเมืองในจีนขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเราเริ่มเห็นสัญญาณการผ่อนคลายด้านนโยบายและการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ตลอดจนการออกมาสร้างความเชื่อมั่นในการสนับสนุนเสถียรภาพของตลาดทุนเพิ่มเติมแล้ว ซึ่งทำให้คาดการณ์ได้ว่ามองไปข้างหน้าถึงแม้เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลง แต่ด้วยความเสี่ยงต่างๆ ได้สะท้อนมาในราคาที่รุนแรงระดับวิกฤตมากแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีจีนที่ปรับตัวร่วงลงมาแทบไม่ต่างจากวิกฤต Dot-com และเริ่มมีบริษัทประกาศซื้อหุ้นคืน ทำให้มองว่าเมื่อเทียบความเสี่ยงกับผลตอบแทนแล้ว ณ จุดนี้เป็นโอกาสในการเริ่มทยอยปรับสมดุลสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจีนและทยอยสะสมเพื่อการลงทุน แต่ยังคำนึงถึงความเสี่ยงที่ยังควรระมัดระวัง ทั้งในเรื่องความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีน การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีน การใช้ Zero COVID ตลอดจนนโยบายภาครัฐจีน

ประเด็นถัดมาที่ยังเป็นปัจจัยสำคัญตลาดก็คือ เรื่องของภาวะเงินเฟ้อที่ยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงต่อไป จากปัญหาทางด้านอุปทาน และภาวะสงครามที่ยังยืดเยื้อ ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีแนวโน้มกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต โดยเรามองว่าหากปัญหาเงินเฟ้อมีแนวโน้มลากยาวมากขึ้นจะยิ่งกดดันให้ธนาคารกลางต้องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ด้วยสภาวะตลาดลักษณะนี้ เราแนะนำให้เน้นลงทุนในหุ้นที่ยังมี valuation ที่ไม่สูงจนเกินไปหรือกลุ่มที่มีโมเมนตัมดีในวัฏจักรของเงินเฟ้อและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ โดยกลุ่มที่น่าสนใจยังคงเป็นกลุ่ม Energy Materials Healthcare Utilities Industrials และ Infrastructure เป็นต้น

ด้านผลประกอบการของตลาดหุ้นทั่วโลกในปี 2021 ที่ทยอยประกาศออกมายังเติบโตอยู่ในเกณฑ์ดี โดยตลาดหุ้นไทย เวียดนาม และสหรัฐฯ (NASDAQ) มีการเติบโตของรายได้ที่โดดเด่น ขณะที่ในด้านการเติบโตของกำไรสุทธิ ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นยุโรปที่มีกลุ่มธุรกิจด้านวัฏจักรเป็นสัดส่วนที่มากสามารถทำกำไรเติบโตได้ดีตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดหุ้นที่มีผลประกอบการออกมาดีกว่าคาดมากที่สุด โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังมีผลประกอบการที่โดดเด่นยังคงเป็นกลุ่มหุ้นวัฏจักร

สำหรับมุมมองของเราในเดือนนี้ เราแนะนำให้ทยอยลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและเน้นการปรับสมดุลพอร์ต (Rebalance) โดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นโลกกลุ่มที่มี Valuation ถูกและอยู่ในกลุ่ม Defensive และ Value และเพิ่มสัดส่วนการลงทุนระยะสั้นในหุ้นจีนโดยเฉพาะในฝั่ง Offshore จากระดับ Valuation ที่น่าสนใจและสัญญาณการสนับสนุนจากรัฐบาลสำหรับนักลงทุนที่ยังมีหุ้นจีนเป็นสัดส่วนที่น้อย และยังให้ระมัดระวังการลงทุนในหุ้นยุโรปและรัสเซียจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังไม่แน่นอน โดยเรายังมองว่าการกระจายน้ำหนักการลงทุนอย่างเหมาะสมจะช่วยสร้างความสมดุลให้กับพอร์ตมากขึ้นในช่วงที่ตลาดยังคงผันผวน สำหรับกองทุนที่เป็น Core Port/Growth สำหรับการลงทุนระยะยาว เช่น หุ้นกลุ่มเติบโต หุ้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ หุ้นจีน เรายังคงแนะนำให้ทยอยสะสมในสัดส่วนที่เหมาะสมต่อไปจากระดับราคาที่ปรับตัวลงมา และปรับสมดุลพอร์ต (Rebalance) เพื่อคุมความเสี่ยงและไม่พลาดโอกาสในการสร้างผลตอบแทนระยะยาว

  • SHARE
Contact
Contact