INDEGO Exclusive Content EP.12
ยุโรป โอกาสหลังวัคซีน
เมื่อทั้งโลกเริ่มกระบวนการฉีดวัคซีนเป็นที่แน่นอนว่านักลงทุนจะมีการทำ Sector Rotation และหมุนเงินออกจากหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการปิดเมืองอย่างกลุ่มเทคโนโลยี สู่หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการเปิดเมือง เช่น กลุ่มท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในโอกาสที่เรามองว่ามีความน่าสนใจ คือ การลงทุนในยุโรปที่กำลังก้าวผ่านจุดต่ำสุดหลังมีความคืบหน้าด้านวัคซีน โดยปัจจุบันยุโรปมีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 51.5 ล้านคน จากประชากร 448 ล้านคน ใน 27 ประเทศ นอกจากนี้ทางสหภาพยุโรป (EU) ได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนชั้นนำ เช่น Pfizer Moderna AstraZeneca และอีกหลายบริษัทรวมทั้งสิ้นกว่า 810 ล้านโดสในปี 2021 และกว่า 2.6 พันล้านโดสสำหรับวัคซีนทั้งหมดที่ได้สั่งซื้อ หรือเรียกว่ามีวัคซีนเหลือเฟือนั่นเอง
ซึ่งประเด็นดังกล่าว คือ ทางออกสู่การกลับมาเปิดเมืองและเปิดประตูเศรษฐกิจอย่างแท้จริง โดยปัจจุบันตัวเลข PMI ภาคการบริการของยุโรปเดือน ก.พ. 64 นั้นหดตัวอยู่ที่ 45.7 ซึ่งยังอยู่ห่างไกลกับคำว่าแข็งแกร่ง ขณะที่เศรษฐกิจภาคการบริการในยุโรปนั้นคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 70% ของ GDP ทั้งหมด ในทางเดียวกันคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้ออกมาเสนอให้มีการออกใบอนุญาตเดินทางระบบดิจิทัล (Digital Green Pass) ซึ่งสามารถบันทึกผลตรวจ COVID-19 เช่นเดียวกับข้อมูลการฉีดวัคซีนเพื่อให้ยุโรปสามารถกลับมาเปิดพรมแดนได้อย่างปลอดภัยเป็นความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว อีกทั้งยังช่วยลดความตึงเครียดในระบบสาธารณสุข ส่งผลให้ผู้คนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ช่วยส่งเสริมการใช้จ่ายของผู้บริโภคและธุรกิจภาคการบริการในภาพรวม
อีกจุดเด่นที่น่าสนใจของการลงทุนในยุโรป คือ ระดับ Valuation ที่เหมาะสม โดยพบว่าระดับ P/E Ratio ของหุ้นยุโรปอยู่ในระดับไม่ถึง 2SD จากค่าเฉลี่ย 10 ปี ซึ่งถือว่าต่ำกว่าภูมิภาคอื่นในกลุ่มตลาดประเทศพัฒนาแล้ว ขณะที่เทียบกับดัชนี MSCI World อยู่ในระดับ -1SD บ่งชี้ว่า Upside ยังเปิดกว้าง
นอกจากนี้ยุโรปยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นได้ในระยะกลางจากนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายของ ECB ผ่านการเร่งซื้อสินทรัพย์ภายใต้โครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) ในช่วงไตรมาสที่ 2/2021 เฉลี่ยสัปดาห์ละ 2.5 หมื่นล้านยูโร สูงกว่าช่วงไตรมาสก่อนที่เข้าซื้อเฉลี่ยสัปดาห์ละ 1.4 หมื่นล้านยูโร รวมไปถึงนโยบายการคลังขนาดใหญ่จากการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจของคณะกรรมาธิการยุโรป (EU Recovery Fund) ในวงเงินกว่า 7.5 แสนล้านยูโร ซึ่งจะถูกแบ่งเป็นเงินให้เปล่า (Grants) 3.9 แสนล้านยูโร และเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loans) 3.6 แสนล้านยูโร สำหรับการช่วยรัฐบาลและธนาคารกลางประเทศต่างๆ ซึ่งจะมีการเบิกจ่าย 70% ในปี 2021-2022 และ 30% ในปี 2023 ที่จะเป็นปัจจัยช่วยหนุนสภาพคล่องแก่ตลาดอย่างมหาศาล
ขณะที่ปัจจัยความเสี่ยงนั้นก็เริ่มผ่อนคลายลงไม่ว่าจะเป็นปัญหาสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ที่ยกเลิกไปเป็นการชั่วคราวเพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถป้องกันการแทรกแซงในตลาดการผลิตเครื่องบินจากคู่แข่งรายใหม่ เช่น จีน รวมไปถึงประเด็น Brexit ที่สามารถหาทางออกร่วมกันได้ระหว่างอังกฤษและ EU หลังจากที่ถกเถียงกันมาเนิ่นนานกว่า 4 ปี
มากไปกว่านั้นยุโรปยังมีของดีที่ซ่อนอยู่มากมายหากเราทำการ Selection หุ้นดีๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัท ASML ซึ่งเป็นต้นนำในการผลิตชิป หรือแม้แต่ธุรกิจแบรนด์เนมก็ต้องยกให้ยุโรปนั้นเป็นที่หนึ่ง ด้วยการมีบริษัทอย่าง LVMH เจ้าของแบรนด์เนมชั้นนำอย่าง Louis Vuitton และ Dior หรือ Kering ผู้ผลิตแบรนด์เนมอย่าง Gucci และ Balenciaga
โดยสรุปแล้วเรามองว่าการลงทุนในยุโรปมีความน่าสนใจจากการกลับมาเปิดเศรษฐกิจรับความคืบหน้าด้านวัคซีน ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั้งจากภาคการเงินและการคลัง นอกจากนี้ยุโรปยังมีระดับ Valuation ที่น่าสนใจ ขณะที่ปัญหาสงครามการค้าและประเด็น Brexit ก็เริ่มคลี่คลายลง อีกทั้งยุโรปยังมีของดีที่ซ่อนอยู่หากเราทำการ Selection อย่างเหมาะสม
บทความโดย Winthemoney และ Wealthy like a Bo$$
——————
Sources: Statista, Tradingeconomics, PopulationPyramid, Bloomberg, CNBC, InfoQuest, Reuters, Europa, Euronews, MSCI Europe
.
.
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนหุ้นยุโรปนั้นสามารถลงทุนได้ผ่านกองทุน ONE-EUROEQ, MEURO, KF-HEUROPE, K-EUROPE, ABEG, PRINCIPAL EUEQ, TMBEQ, KT-EURO, SCBEUSM, ASP-EUG และอีกมากมาย โดยสามารถเข้ารับการปรึกษาจากเราได้ทุกช่องทาง
.
.
✅ สำหรับผู้สนใจลงทุนผ่านบริการของ INDEGO สามารถติดต่อลงทุนและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
🌐 Website: https://www.indegowealth.com
📧 อีเมล: [email protected]
📞 โทร: 02-233-9995
💻 Facebook: INDEGO WEALTH
📖 Blockdit: INDEGO WEALTH
🗓 ทุกวันทำการ จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8:30 – 17:30 น.
#ยืนหนึ่งเรื่องกองทุนต้อง INDEGO
