Shifting Landscape
ปี 2025 เป็นปีแห่งการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างผันผวนของตลาดการเงินโลก ภายใต้แรงหนุนจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น พร้อมกับผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามในช่วงต้นปีตลาดถูกกดดันจากการเดินหน้านโยบายกีดกันการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นนำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี จากหลายเหตุการณ์สำคัญซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนด้านเทคโนโลยีและ AI โดยเฉพาะจากปรากฏการณ์ DeepSeek ของจีน ที่เร่งกระแสการลงทุนใน AI นอกจากนี้ ทางการจีนได้มีการผ่อนคลายและสนับสนุนภาคธุรกิจมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมของหุ้นจีนโดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี ขณะเดียวกัน ทางฝั่งญี่ปุ่นได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากความคืบหน้าของการปฏิรูปตลาด ท่ามกลางการเข้ารับตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เดินหน้าผลักดันเศรษฐกิจภายใต้กรอบ Abenomics รุ่นใหม่ ขณะที่ FTSE Russell ประกาศปรับสถานะตลาดหุ้นเวียดนามสู่ Emerging Market และอินเดียยังคงเติบโตโดดเด่นจากแรงส่งของนโยบายรัฐ ในทางกลับกัน ไทยยังเผชิญความไม่แน่นอนด้านการเมืองและการชะลอตัวของกำไรบริษัทจดทะเบียนซึ่งกดดันทิศทางตลาดหุ้นไทยโดยรวม
INDEGO Market Outlook 2026
“Shifting Landscape”
🔹 ปี 2025 เป็นปีแห่งการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างผันผวนของตลาดการเงินโลก ภายใต้แรงหนุนจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น พร้อมกับผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามในช่วงต้นปีตลาดถูกกดดันจากการเดินหน้านโยบายกีดกันการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นนำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี จากหลายเหตุการณ์สำคัญซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนด้านเทคโนโลยีและ AI โดยเฉพาะจากปรากฏการณ์ DeepSeek ของจีน ที่เร่งกระแสการลงทุนใน AI นอกจากนี้ ทางการจีนได้มีการผ่อนคลายและสนับสนุนภาคธุรกิจมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมของหุ้นจีนโดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี ขณะเดียวกัน ทางฝั่งญี่ปุ่นได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากความคืบหน้าของการปฏิรูปตลาด ท่ามกลางการเข้ารับตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เดินหน้าผลักดันเศรษฐกิจภายใต้กรอบ Abenomics รุ่นใหม่ ขณะที่ FTSE Russell ประกาศปรับสถานะตลาดหุ้นเวียดนามสู่ Emerging Market และอินเดียยังคงเติบโตโดดเด่นจากแรงส่งของนโยบายรัฐ ในทางกลับกัน ไทยยังเผชิญความไม่แน่นอนด้านการเมืองและการชะลอตัวของกำไรบริษัทจดทะเบียนซึ่งกดดันทิศทางตลาดหุ้นไทยโดยรวม
🔹 เข้าสู่ปี 2026 ภาพเศรษฐกิจโลกยังคงได้รับแรงขับเคลื่อนจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลัก หลายประเทศเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ซึ่งเอื้อต่อการขยายตัวของกำไรบริษัทจดทะเบียน ขณะที่การลงทุนด้าน AI ยังคงเป็นปัจจัยบวกเชิงโครงสร้างต่อหุ้นเทคโนโลยีและธุรกิจที่อยู่ใน Value Chain ตั้งแต่ผู้ผลิตชิป ธุรกิจด้านพลังงานอย่าง พลังงานสะอาด นิวเคลียร์ ก๊าซธรรมชาติ ไปจนถึงแร่โลหะด้านอุตสาหกรรมอย่างทองแดงและ Rare Earth อีกทั้งการขยายตัวของ AI Value Chain นอกสหรัฐฯ ยังช่วยเสริมโอกาสในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนเด่นในปี 2026 ภายใต้บริบทดังกล่าว เรายังคงแนะนำการกระจายการลงทุนไปยังหุ้นโลกและตลาดเกิดใหม่ พร้อมเน้นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของ AI อย่างต่อเนื่อง
🔹 ในด้านภูมิรัฐศาสตร์ ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังเป็นประเด็นสำคัญของปี 2026 จากการแข่งขันเพื่อยึดความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ซึ่งผลักดันให้ทั้งสองประเทศเร่งพึ่งพาตนเองมากขึ้น โดยจีนเดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้า โดยเฉพาะอุตสาหกรรม Semiconductor ขณะที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับความมั่นคงด้าน Rare Earth ซึ่งจีนยังคงครองสัดส่วนตลาดสูง นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ ยังหนุนให้กลุ่ม Defense และ Cybersecurity ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น เนื่องจากหลายประเทศมีแนวโน้มปรับเพิ่มงบประมาณกลาโหมเพื่อรองรับความเสี่ยงเชิงยุทธศาสตร์ที่สูงขึ้น
🔹 หากมองมาที่ภาพรวมฝั่งตลาดเอเชีย ที่ยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากการปฏิรูปภาคเอกชนที่เข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่เป็นผู้นำในการยกระดับการกำกับดูแลกิจการ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทุน และการคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นผ่านนโยบายซื้อหุ้นคืนและจ่ายปันผลที่มากขึ้น ทั้งนี้ แนวโน้มการทำ Corporate Reform เริ่มขยายสู่ประเทศอื่นในภูมิภาคและมีศักยภาพกลายเป็นแรงขับเคลื่อนโครงสร้างสำคัญต่อผลตอบแทนระยะยาว สำหรับไทย แม้ยังมีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนเชิงนโยบาย แต่กระแสการปรับตัวของภาคธุรกิจอาจช่วยให้หุ้นปันผลมีความโดดเด่นมากขึ้นเมื่อเทียบกับตลาดรวม
🔹 ด้านกลุ่ม Healthcare ความน่าสนใจกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากแรงกดดันเชิงนโยบายที่ผ่อนคลายลง ส่งผลให้ความกังวลของนักลงทุนลดลง พร้อมกับระดับ Valuation ที่ยังต่ำเมื่อเทียบกับตลาดโลก ซึ่งเปิดโอกาสต่อการฟื้นตัวในระยะถัดไป นอกจากนี้ อุตสาหกรรมยังได้แรงหนุนจากเทคโนโลยีและ AI ที่ช่วยเร่งกระบวนการวิจัยและพัฒนาอย่างมาก ตั้งแต่การถอดรหัสจีโนมที่ใช้เวลาน้อยลง ไปจนถึงการเร่งตัวของอัตราการอนุมัติยาของ FDA ปัจจัยเหล่านี้สะท้อนศักยภาพการเติบโตเชิงโครงสร้างในระยะยาวของภาค Healthcare
🔹 อย่างไรก็ดี ปี 2026 ยังเป็นปีที่มีความผันผวนสูง สะท้อนจากระดับ Valuation ของหุ้นที่ค่อนข้างตึงตัว ความคาดหวังต่อผลประกอบการของธุรกิจเทคโนโลยีที่ต้องรองรับต้นทุนการลงทุนด้าน AI จำนวนมาก รวมถึงความเสี่ยงเงินเฟ้อที่อาจกลับมาเร่งตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องและความต้องการพลังงาน–วัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นตาม AI Demand ขณะเดียวกันความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงกดดันตลาด ภายใต้บริบทเช่นนี้ กลยุทธ์การลงทุนควรเพิ่มการกระจายพอร์ตไปยังหลากหลายสินทรัพย์มากขึ้น เช่น Global Infrastructure, Global REITs, Life Settlement, Private Credit และทองคำ เพื่อลดความผันผวนและเพิ่มเสถียรภาพของพอร์ตในสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
🔹 ภายใต้ธีม “Shifting Landscapes” สำหรับปี 2026 เราแนะนำให้สร้างพอร์ตที่ผสมผสานสินทรัพย์หลากหลาย โดยเน้นหุ้นโลกคุณภาพ หุ้นเติบโตสูง รวมถึงหุ้นจีนกลุ่มเทคโนโลยี และประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ได้รับแรงหนุนจากการลงทุนใน AI และการพึ่งพาตนเองของแต่ละประเทศ ควบคู่ไปกับการเสริมความคงทนของพอร์ตผ่านหลากหลายสินทรัพย์มากขึ้น เช่น Global Infrastructure, Global REITs, Life Settlement, Private Credit และทองคำ ขณะที่สินทรัพย์ดิจิทัลยังคงน่าสนใจในระยะยาว แต่ในระยะสั้นยังเผชิญกับความเสี่ยงการปรับฐานภายหลังการปรับตัวแรงในช่วงสิ้นปี 2025 การผสมผสานสินทรัพย์แบบสมดุลระหว่าง Growth, Defensive และ Income จะทำให้พอร์ตการลงทุนมีความพร้อมรองรับพลวัตเศรษฐกิจและตลาดการเงินที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในปี 2026
อ่านฉบับเต็มคลิก : https://www.indegowealth.com/wp-content/uploads/2025/12/INDEGO-WEALTH-Yearly-Outlook-2026.PB_.pdf
INDEGO
Independence for Global Opportunities
#ยืนหนึ่งเรื่องกองทุนต้อง INDEGO
#รู้ลึกรู้จริง วิเคราะห์อย่างเป็นระบบ
#ให้คำปรึกษาที่เป็นกลางที่สุด
✅ สำหรับผู้สนใจลงทุนผ่านบริการของ INDEGO สามารถติดต่อลงทุนและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
🌐 Website: https://indegowealth.com
📧 อีเมล [email protected]
📞 โทร: 02-233-9995
🗓 ทุกวันทำการ จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8:30 – 17:30 น.
